วันที่ 13 มี.ค.67 เวลา 09.30 น. ที่ห้องประชุมนางยวน ขั้น5 ศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี

นายนันธวัช เจริญวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ประชุมคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติจังหวัดสุราษฎร์ธานี (ก.ช.ภ.จ.สฎ.) ครั้งที่ 2/2567 พร้อมด้วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมในครั้งนี้ เพื่อ พิจารณาประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ภัยช้างป่า เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 ในพื้นที่หมู่ที่ 6 ตำบลคลองศก อำเภอพนม จังหวัดสุราษฎร์ธานี รวม 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน ส่งผลให้ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 10 คน 4 ครัวเรือน พื้นที่ทางการเกษตร พืชไร่/พืชสวน ได้รับความเสียหาย จำนวน 25 ไร่
รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า จากมติที่ประชุมพิจารณาให้ความเห็นชอบ รายละเอียดดังนี้ เห็นชอบให้ใช้จ่ายเงินทดรองราชการฯ ในอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินกรณีเกิดอุทกภัย ซึ่งไม่เกินวงเงินที่ได้รับจัดสรรและเป็นไปตามหลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2563 รวมเป็นเงิน 1,099,741.54 บาท ดังนี้ 1. ด้านพืช จำนวนเงิน 375,305.04 บาท
2. ด้านประมง จำนวนเงิน 415,436.50 บาท และ 3. ด้านปศุสัตว์ จำนวนเงิน 309,000 บาท โดย เห็นชอบให้ใช้จ่ายจากวงเงินทดรองราชการ ที่ให้ขอขยายวงเงินทดรองราชการไปยังกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ด้านบรรเทาสาธารณภัย จำนวน 7 อำเภอ 134 โครงการ รวมเป็นเงิน 52,992,800 บาท อาทิ 1.อำเภอบ้านนาเดิม จำนวน 4 โครงการ เป็นเงิน 1,643,000 บาท 2. อำเภอพุนพิน จำนวน 4 โครงการ เป็นเงิน 896,600 บาท 3.อำเภอกาญจนดิษฐ์ จำนวน 5 โครงการ เป็นเงิน 1,546,000 บาท 4.อำเภอไชยา จำนวน 28 โครงการ เป็นเงิน 12,353,000 บาท
5. อำเภอท่าฉาง จำนวน 38 โครงการ เป็นเงิน 9,095,200 บาท 6.อำเภอท่าชนะ จำนวน 40 โครงการ เป็นเงิน 19,884,000 บาท และ 7.อำเภอวิภาวดี จำนวน 15 โครงการ เป็นเงิน 7,575,000 บาท.

วันที่ 13 มีนาคม 2567 เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุมตาปี ศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี ขั้น 4

นายบันดาล สถิรชวาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมการดำเนินโครงการตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 เพื่อจัดทำแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณของจังหวัด

โดยสำนักงบประมาณแจ้งการเตรียมชี้แจงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ขั้นกรรมาธิการ โดยมีการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ในวันจันทร์ที่
8 มกราคม 2567 เป็นต้นไป จึงให้จังหวัดในฐานะหน่วยรับงบประมาณ จัดเตรียมเอกสารเพื่อประกอบการชี้แจงตามแนวทาง และแบบฟอร์มคำชี้แจงงบประมาณฯ พ.ศ. 2567 รวมทั้งเข้าร่วมประชุมชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ซึ่งจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้เสนอโครงการเพื่อขอรับจัดสรรงบประมาณ จำนวน 18 โครงการ 1 รายการ งบประมาณ 247,509,100 บาท

ทั้งนี้ จังหวัดสุราษฎร์ธานีได้แจ้งหน่วยงานผู้รับผิดชอบโครงการจัดทำข้อเสนอโครงการฯ ตามกรอบวงเงินที่ผ่านการพิจารณาเห็นชอบของคณะอนุกรรมาธิการฯ และเตรียมการจัดซื้อจัดจ้างและเร่งรัดการใช้จ่ายเงินงบประมาณ พ.ศ. 2567 ตามแนวทางของคณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ และให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 เพื่อประกอบการประชุมฯ ในวันนี้ สำหรับวันนี้จังหวัดยังได้เชิญคลังจังหวัด และหัวหน้าหน่วยตรวจสอบภายในจังหวัด ร่วมประชุมกับส่วนราชการผู้รับผิดชอบโครงการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ข้อเสนอแนะในการเตรียมความพร้อมการดำเนินโครงการ การเตรียมการจัดซื้อจัดจ้าง และเร่งรัดการใช้จ่ายเงินงบประมาณพ.ศ. 2567 เพื่อให้การดำเนินโครงการตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ดำเนินการแล้วเสร็จและเบิกจ่ายได้ทันภายในระยะเวลาที่กำหนดต่อไป.

วันที่ 13 มีนาคม 2567

นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธานเปิดกิจกรรมเนื่องในวันสตรีสากล ภายใต้โครงการสร้างแรงบันดาลใจสตรีให้เป็นพลังสร้างสรรค์สังคม และ "รวมพลังสตรีสุราษฎร์ธานี Lady's Power" ประจำปี 2567 โดยสำนักงานพัฒนาซุมชนจังหวัดสุราษฎร์ธานี ร่วมคณะกรรมการพัฒนาสตรีจังหวัดสุราษฎร์ธานี และภาคีเครือข่าย จัดขึ้น ณ โรงแรมวังใต้ อำเภอเมืองฯ จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อเปิดโอกาสให้สตรีรุ่นใหม่ได้แสดงออกทางความคิด ความสามารถ พัฒนาศักยภาพ และพัฒนาทักษะด้านกฎหมาย ด้านอาชีพ และด้านทำแผนธุรกิจ สู่การเป็นผู้นำรุ่นใหม่ และเพื่อสร้างขวัญกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีในพื้นที่สามารถเป็นแบบอย่าง ได้รับการยกย่องและเชิดซูเกียรติให้กับสตรีดีเด่นระดับจังหวัด จำนวน 19 อำเภอ รวมถึงเพื่อสร้างจิตสำนึก ผู้นำสตรี ร่วมแต่งกายผ้าทอ ผ้าพื้นถิ่น และผ้าอัตลักษณ์ของจังหวัด เพิ่มคุณค่าผ้าทอเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัด และเอกลักษณ์ประจำชาติเพื่ออนุรักษ์ไว้สืบไป

นางโสภา กาญจนะ ประธานคณะกรรมการพัฒนาสตรีจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ด้วยช่วงปีที่ผ่านมา ประเทศไทยได้รับผลกระทบ จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า(โควิ, - 19) ส่งผลให้การจัดกิจกรรมต่างๆ ต้องเลื่อนออกไปไม่มีกำหนด เพื่อลดอัตราความเสี่ยงการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าว หลังจากมีการปลดล็อคมาตรการให้สามารถดำเนินกิจกรรมต่างๆได้ คณะกรรมการพัฒนาสตรีจังหวัดสุราษฎร์ธานี จึงจัดกิจกรรมเนื่องในวันสตรีสากล ประจำปี 2567 ขึ้น เพื่อให้เห็นความสำคัญของสตรี โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องส่งเสริมและพัฒนาบทบาทสตรี เน้นความเสมอภาค ได้รับการเคารพ มีเกียรติ และคุณค่าความเป็นสตรี รวมทั้งระลึกถึงความเป็นมาแห่งการต่อสู้เพื่อให้ได้ซึ่งความเสมอภาค ยุติธรรม สันติภาพ และการพัฒนา รวมทั้งเชิดชูเกียรติแก่สตรีที่ได้ ทำคุณประโยชน์แก่ส่วนรวม และที่สำคัญยังเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เพื่อสืบสานพระราชปณิธานในการอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นไทย อนุรักษ์ผ้าไทยให้คงอยู่คู่แผ่นดิน

สำหรับรูปแบบการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ มีกลุ่มเป้าหมายเป็นคณะกรรมการพัฒนาสตรีจังหวัด
คณะกรรมการพัฒนาสตรีอำเภอ จำนวน 19 อำเภอ จำนวน 380 คน และคณะกรรมการพัฒนาสตรีเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี จำนวน 120 คน รวมจำนวน 500 คน โดยเน้นการฝึกอบรมให้ความรู้ เพื่อส่งเสริมและพัฒนาบทบาทสตรี เพิ่มศักยภาพแก่องค์กรสตรี ด้านกฎหมาย ด้านการจัดทำแผนธุรกิจ และการบริหารและเชิดชูเกียรติแก่สตรีที่ได้ทำคุณประโยชน์แก่ส่วนรวม พร้อมมอบใบประกาศเกียรติคุณให้แก่สตรีดีเด่นระดับจังหวัด ด้านการพัฒนาชุมชน จำนวน 20 รางวัล

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมจัดนิทรรศการ การออกร้านของสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ที่ได้รับการสนับสนุนเงินอุดหนุนจากกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีไปฝึกอบรม เพื่อประกอบอาชีพและนำผลิตภัณฑ์ผ้าพื้นถิ่นของสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีและจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ประสบความสำเร็จ จำนวน 5 บูธ มาจัดแสดงและจำหน่ายด้วย.