วันที่ 18 กันยายน 2565  ณ สนามกีฬากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี

นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วย นายประเวศ ไทยประยูร รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี หัวหน้าส่วนราชการ องค์กรภาคเอกชน และนักวิ่งชาวสุราษฎร์ธานีทุกเพศทุกวัย เข้าร่วมออกกำลังกาย เพื่อเตรียมพร้อมร่างกายก่อนเข้าร่วมกิจกรรมเดิน-วิ่ง กองทุนส่งเสริมและสงเคราะห์พลเมืองดี
ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้จัดตั้งกองทุนส่งเสริมและสงเคราะห์พลเมืองดี ตามนโยบายของกระทรวงมหาดไทย ที่มุ่งสร้างให้สังคมไทยมีพลเมืองดีที่มีความมั่นใจมีความเสียสละกล้าออกมาช่วยเหลือผู้อื่นและสังคม ซึ่งกองทุนดังกล่าว จะมีหน้าที่ช่วยเหลือพลเมืองดีและครอบครัว ที่กล้าออกมาช่วยเหลือผู้อื่นจนตนเองบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต เพื่อเป็นการยกย่องเชิดชู รวมถึงเป็นขวัญและกำลังใจให้คนที่ทำความดีเพื่อสังคมโดยไม่หวังผลตอบแทน ที่ผ่านมา กองทุนได้ให้ความช่วยเหลือพลเมืองดี คนแรกคือสิบเอกณัฐวุฒิ คณิตธนันท์ หรือ อาร์ม นายช่างโยธา สำนักงานทางหลวงชนบทที่ 11 ซึ่งเป็นจิตอาสาและอาสาสมัครกู้ภัยด้านการประดาน้ำที่เกิดอาการเส้นเลือดในสมองแตกหลังจากการดำน้ำกู้ซากรถเก๋งที่ประสบอุบัติเหตุ เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2565 นอกจากนี้ กิจกรรมดังกล่าวยังส่งเสริมให้ประชาชนหันมาออกกำลังกาย ด้วยการเดินวิ่งเพื่อสุขภาพป้องกันโรค อีกด้วย
สำหรับกิจกรรมเดินวิ่งครั้งนี้ แบ่งออกเป็น ออกเป็น 2 ประเภทได้แก่ ประเภท Fun Run 5 กิโลเมตรและ ประเภท Super Mini มาราธอน 12.5 กิโลเมตร แบ่งออกเป็น 4 รุ่นอายุแยก ชาย-หญิง ได้แก่ รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี ,รุ่นอายุ 20-29 ปี ,รุ่นอายุ 30 - 39 ปีและรุ่นอายุ 40 ปีขึ้นไป ซึ่งผู้ที่เข้าเส้นชัยทุกคนจะได้รับเหรียญ ส่วนผู้ที่ได้อันดับ 1 – 5 ในทุกรุ่นทุกประเภทก็จะได้รับถ้วยรางวัล อีกด้วย ซึ่งกิจกรรมครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือจากส่วนราชการ ภาคเอกชน ร่วมสนับสนุน และได้รับความสนใจจากนักวิ่งทุกเพศทุกวัย เข้าร่วมกิจกรรมจำนวนมาก

วันที่ 18 กันยายน 2565 เวลา 07.00 น.

นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดจวนเพื่อดำเนินการแจกจ่ายถุงปันสุข จำนวน 900 ชุด ให้แก่ผู้พิการ จำนวน 20 คน กลุ่มเปราะบาง และประชาชนทั่วไปที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด -19 โดยมี นายพีระ กาญจนพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ปปส.ภาค 8 นายปรีชา แก้วเกื้อ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 11 สุราษฎร์ธานี นายมนตรา พรมสินธุ ปลัดจังหวัด จิตอาสาพระราชทาน อาสาสมัคร เจ้าหน้าที่ สำนักงาน ปปส.ภาค 8 เจ้าหน้าที่สำนักงานจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมแจกจ่ายถุงปันสุข ทั้งนี้ภายในถุงปันสุข ประกอบไปด้วยข้าวสาร ปลากระป๋อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป น้ำดื่ม น้ำมันพืช และไข่ไก่ เพื่อให้ประชาชนได้นำกลับไปปรุงอาหารรับประทานตามอัธยาศัย รวมไปถึงเด็กๆที่มากับผู้ปกครองก็ยังได้รับถุงปันสุขพร้อมข้าวกล่องสำหรับเด็กกลับไปด้วย

ขณะเดียวกันช่วงก่อนแจกจ่ายถุงปันสุขในวันนี้ นายปรีชา แก้วเกื้อ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 11 สุราษฎร์ธานี ได้นำข้าวสารจำนวนหนึ่งมามอบให้แก่นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อสนับสนุนในกิจกรรมถุงปันสุขในสัปดาห์ต่อไป

สำหรับสัปดาห์นี้นอกจากประชาชนจะได้รับถุงปันสุขกลับบ้านไปแล้ว ทางนายพีระ กาญจนพงศ์. ผู้อำนวยการสำนักงาน ปปส.ภาค 8 ,เจ้าหน้าที่สำนักงานปปส.ภาค 8 และหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ได้สนับสนุนข้าวกล่อง จำนวน 1061 กล่อง เพื่อมอบให้แก่ประชาชน และเด็กๆที่มาในครั้งนี้ ซึ่งข้าวกล่องจะประกอบด้วย ข้าวผัด และข้าวน้ำพริกปลาทู โดยทางหน่วยงานได้คัดสรรสิ่งดีๆ เพื่อมอบให้ประชาชน สะอาดถูกหลักอนามัย โดยข้าวผัดที่มอบให้นั้นประชาชนจะได้รับสารอาหารครบทั้ง 5 หมู่ อาทิจะได้รับคาร์โบไฮเดรตจากข้าว โปรตีนจากเนื้อสัตว์และไข่ ไขมันจากน้ำมันพืชที่ใช้ผัด วิตามินจากผักที่ใส่ลงไป และเกลือแร่ จากสารปรุงรส พวกน้ำปลา เกลือต่างๆ ขณะที่ข้าวน้ำพริกปลาทูก็จะได้รับโปรตีนและสารโอเมก้าช่วยผ่อนคลาย/ช่วยบำรุงสมองที่อยู่ในปลาทูซึ่งเหมาะแก่ประชาชนกลุ่มสูงวัย/เปราะบางเป็นอย่างยิ่ง อิ่มอกทั้งผู้ให้ อิ่มใจทั้งผู้รับ ทั้งนี้ยังเสริมกำลังโภชนาการทางอาหาร ให้แก่พี่น้องประชาชนอีกด้วย เพราะสิ่งไหนดีภาครัฐก็พร้อมที่จะให้ประชาชนอย่างแน่นอน

วันที่ 17 กันยายน 2565  เวลา 14.19 น.

นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วยนายเกรียงศักดิ์ มากมี ผู้อำนวยการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายวราภรณ์ คงอุดหนุน นายกเทศมนตรีตำบลวัดประดู่ และคณะ ร่วมสร้างบุญใหญ่ ถวายตาไข่ องค์ที่ 2 แด่ พระมหาสมศักดิ์ สิริธรรมฺโม เจ้าอาวาสวัดสมหวังวนาราม (หลวงพ่อสมหวัง) ตำบลวัดประดู่ อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยก่อนหน้านี้ นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี และเพื่อนๆ ได้ร่วมกันถวายตาไข่แกะสลัก จำนวน 1 องค์ ให้แก่วัดสมหวังแล้ว แต่ด้วยความศรัทธาจึงได้นำมาถวายอีกครั้ง


สำหรับตาไข่องค์นี้แกะสลักจากเนื้อไม้ขนุนทอง รูปทรงยืน สูงเท่าองค์จริง ที่จะเสริมความเป็นสิริมงคล อีกทั้งช่วยหนุนนำโชคลาภและบารมี ให้แก่ผู้ที่มากราบไหว้สักการะบูชา และผู้ที่มาร่วมทำบุญการสร้างหลวงพ่อสมหวังองค์ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย

ทั้งนี้หากพุทธศาสนิกชนท่านใดที่มีจิตศรัทธา หรือมีความต้องการกราบสักการะขอพร ตาไข่เนื้อไม้ขนุนทอง หลวงพ่อสมหวัง และองค์มหาเทพ ที่เป็นสิ่งเคารพนับถือของประชาชนในพื้นที่และใกล้เคียง สามารถเดินทางมากราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตได้ทุกวัน รวมไปถึงสามารถร่วมกันเสริมบุญบารมีครั้งยิ่งใหญ่ อย่างการทำบุญสร้างหลวงพ่อสมหวังองค์ใหญ่ที่สุดในโลก ที่มีขนาดหน้าตัก 29.9 เมตร สูง 36.10 เมตร ซึ่งหากรวมฐานแล้วจะสูงถึง 46.10 เมตร ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่มีชื่อเสียงโด่งดังและเป็นที่รู้จักของประชาชนทั่วทั้งประเทศ

ส่วนใครที่ผ่านไปผ่านมา หรือมาเที่ยวในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี อย่าลืมแวะเข้ามาขอพรหลวงพ่อสมหวัง และตาไข่ ที่วัดสมหวังกันนะครับ เพราะ “ไหว้ตาไข่วัดสมหวัง แล้วชีวิตจะสมหวังตลอดไป"