วันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2565 เวลา 10.00 น. ณ ศาลาประชาคมอำเภอไชยา ที่ว่าการอำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี

       นายชูศักดิ์  รู้ยิ่ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ร่วมลงพื้นที่กับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายสินิตย์  เลิศไกร) และคณะ ในการลงพื้นที่ติดตามการดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกร โดยมีพืชเศรษฐกิจหลัก 5 ชนิดที่ดำเนินการ ได้แก่ ข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และปาล์มน้ำมัน ซึ่งเป็นการประกัน "รายได้" ไม่ใช่ประกัน "ราคา" เนื่องจากราคาจะเป็นไปตามกลไกตลาดไม่สามารถกำหนดได้ โดยโครงการประกันรายได้จะทำให้เกษตรกรมีรายได้จากการจำหน่ายผลผลิตในราคาที่เหมาะสมโดยกำหนดราคาเป้าหมายจากต้นทุนการผลิตและรายได้ที่เหมาะสมที่ควรจะได้รับ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งพืชเศรษฐกิจหลักในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้แก่ ปาล์มน้ำมัน และยางพารา การกำหนดราคาเป้าหมายประกันรายได้ปี 4 คือ ผลปาล์มทะลายน้ำมัน 18% ราคา 4 บาทต่อกิโลกรัม ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ไร่ และมีพื้นที่ปลูกที่ให้ผลผลิตแล้วอายุไม่น้อยกว่า 3 ปี ยาพารา กำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงตามประกาศราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงทุกวันที่ 15 ของเดือน เช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา  ยางแผ่นดิบคุณภาพดี กิโลกรัมละ 60 บาท น้ำยางสด DR 100% กิโลกรัมละ 57 บาท ยางก้อนถ้วย DRC 50% กิโลกรัมละ 23 บาท โดยกำหนดปริมาณยางแห้งไม่เกินครัวเรือนละ 20 กิโลกรัมต่อไร่ต่อเดือน และยางก้อนถ้วยไม่เกินครัวเรือนละ 40 กิโลกรัมต่อไร่ต่อเดือน โดยการกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงตามประกาศราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงภายในสัปดาห์สุดท้ายของเดือน โดยมี นางขนิษฐา มุนีแนม พาณิชย์จังหวัดสุราษฎร์ธานี  นายชัยพร นุภักดิ์ เกษตรจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายชวลิต  โรจนรัตน์  นายอำเภอไชยา หัวหน้าส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ เกษตรกร และประชาชนในพื้นที่อำเภอไชยา อำเภอท่าฉาง และอำเภอใกล้เคียงเข้าร่วม
         จากนั้นเดินทางไปเยี่ยมชมบริษัท วิยะเครป โปรดักส์ จำกัด ดำเนินธุรกิจทั้งเป็นผู้ผลิตและส่งออกสินค้าอาหารทะเล โดยมีเนื้อปูม้าพาสเจอร์ไรส์ บรรจุกระป๋อง และถุงแช่เย็น เป็นสินค้าหลัก นอกจากนี้ยังมีสินค้าปูนิ่มแช่แข็งและสินค้าเนื้อปูแปรรูปต่างๆ และร่วมกิจกรรมในโครงการธนาคารปูม้า ซึ่งเป็นโครงการที่ทางบริษัทฯ จัดทำเพื่ออนุรักษ์ปูม้าโดยทำการฟักไข่ปูม้า แล้วเลี้ยงต่อจนปูม้าโตเป็นระยะลูกปู (Young crab) และทำการปล่อยคืนสู่ท้องทะเล ณ หาดแหลมโพธิ์ อำเภอไชยา

วันที่ 23 ธันวาคม 2565 ตลอดทั้งวัน ได้มีหลายหน่วยงาน องค์กร ร่วมปฏิบัติการ ค้นหาผู้สูญหาย จากเหตุเรือหลวงสุโขทัยอับปาง ตามแนวชายฝั่งตั้งแต่ อ.ไชยา ถึง อ.ท่าชนะ ระยะทางประมาณ 39 กิโลเมตร อาทิ ชุดปฏิบัติการอินทรีย์เวหา กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับ ชมรมพารามอเตอร์ จ.สุราษฎร์ธานี นำร่มบิน (พารามอเตอร์) จำนวน 10 เครื่องบินตรวจสอบ

และในเวลาประมาณ 16.00 น. นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ลงพื้นที่ ติดตามการเตรียมความพร้อมจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการค้นหาผู้ประสบภัยเรือหลวงสุโขทัย ที่บริเวณชายหาดสำเร็จ หมู่ที่ 5 ตำบลท่าชนะ อำเภอท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี โดยมีนายบุญเรือง หลงละลวด หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายสำนวนทองศรี นายอำเภอท่าชนะ นายณรงค์ หลักกำจร ประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ตำรวจน้ำ ตำรวจท้องที่ และ อาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิกุศลศรัทธาสุราษฎร์ธานี ได้จัดเตรียมไว้เป็นฐานปฏิบัติการให้เครื่องอากาศยานไร้คนขับ(UAV) ของกองทัพเรือใช้เพื่อค้นหาผู้สูญหาย ซึ่งโปรแกรมซาแมพ คำนวนทิศทางลมและกระแสน้ำเคลื่อนไหวเข้ามาในเขตพื้นที่ อ.ท่าชนะ อ.ไชยา และอ.ท่าฉาง ซึ่งทางศรชล.ภาค 2 เตรียมนำกำลังพลและยุทโธปกรณ์เข้ามาร่วมค้นหาในพื้นที่ ประกอบด้วย ยานพาหนะทางน้ำ 4 ลำ ได้แก่ เรือ Air boat เรือ Mud Motor เรือยางตรวจการณ์ท้องแข็ง และเจ็ทสกี เรือในบัญชีกำลังของ ศรชล.ภาค 2 ร่วมกับเรือของเครือข่ายภาคประมงและประชาชนในพื้นที่อ่าวบ้านดอน จ.สุราษฎร์ธานี

ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ในฐานะ ผอ.ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล)จังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า จากข้อมูลแผนที่กระแสน้ำ คาดว่าผู้ประสบภัยจากเรือหลวงสุโขทัยอับปาง จะเข้ามาในเขตพื้นที่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ในวันนี้ จึงได้มีคำสั่งให้เจ้าท่าภูมิภาคทุกสาขา แจ้งศูนย์ควบคุมการแจ้งเข้าออกเรือประมง ขอความร่วมมือเรือประมงทุกชนิด หากพบผู้ประสบภัยขอให้เข้าการช่วยเหลือทันทีและขอความร่วมมือในการบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐาน
และมีคำสั่งไปยังพื้นที่อำเภอติดชายทะเล ประกอบด้วย ท่าชนะ ไชยา ท่าฉาง พุนพิน ดอนสัก เกาะสมุย และเกาะพงัน ประสานขอความร่วมมือประมงชายฝั่งและชาวบ้านในพื้นที่ ในการช่วยติดตามหรือค้นหาผู้สูญหาย และหากพบวัสดุอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับเรือหลวงสุโขทัย เช่น แพชูชีพ เสื้อชูชีพ หรืออุปกรณ์เครื่องใช้อื่นๆ ให้แจ้งให้ทางราชการทราบทันที

นายวิชวุทย์ กล่าวว่า จากกรณีที่พบเสื้อชูชีพเปล่าลอยอยู่ในทะเลห่างจากเกาะเต่า อ.เกาะพะงัน 25 ไมล์ทะเลไปทางทิศใต้ จึงทำให้เป็นไปได้ว่า จะมีผู้สูญหายถูกกระแสน้ำทะเล พัดมาในเขตชายฝั่งทะเลของ จ.สุราษฎร์ธานี จึงสั่งการให้เร่งตั้งศูนย์ฯ ระดมกำลังค้นหาและเตรียมทีมแพทย์ฉุกเฉิน ซึ่งเรายังคงมีความหวังจะพบผู้รอดชีวิต โอกาสนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้มอบเครื่องดื่มชูกำลัง กาแฟ น้ำดื่ม เพื่อเป็นกำลังใจให้กับผู้ปฏิบัติงานด้วย

และระหว่างลงพื้นที่ ได้รับรายงานว่า มีชาวบ้าน พบชูชีพสีส้ม จำนวน 6 ตัว ลอยมาติดที่ชายหาด ที่บ้านหนองปรือ หมู่ที่ 8 ต.ท่าชนะ จึงรีบไปตรวจสอบ เบื้องต้นคาดว่า เป็นเสื้อชูชีพของเรือประมง เพราะไม่มีสัญลักษณ์ของกองทัพเรือ รวมถึง 4 ใน 6 ตัวเป็นเสื้อชูชีพพื้นฐาน ไม่สามารถใช้ในเรือหลวงได้ หรือ เรือใหญ่ได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ขอบคุณชาวบ้าน ผู้นำท้องถิ่น ที่ช่วยเป็นหูเป็นตา และแจ้งเบาะแส ซึ่งการพบเสื้อชูชีพของเรือสินค้าเข้ามายังจุดดังกล่าว ทำให้เราทราบว่าทิศทางลมมาทางที่กำหนดเป้าหมายไว้ ซึ่งวันที่ 24-26 ธ.ค.จะมีกระแสลมพัดสอบเข้ามายังบริเวณร่องมรสุมในพื้นที่บริเวณหาด ตั้งแต่อำเภอท่าชนะ ไปจนถึง อำเภอไชยา จึงได้ลงพื้นที่ติดตามการตั้งศูนย์ที่บริเวณหาดกำนัน ตำบลตะกรบ อำเภอไชยา อีกหนึ่งจุด ด้วยความหวังว่าจะมีลูกเรือที่ประสบภัยมาตามกระแสน้ำเข้ามาในเขตพื้นที่ดังกล่าว

วันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2565 เวลา 14.00 น. ณ ศาลาอเนกประสงค์บ้านวังขุม หมู่ที่ 5 ตำบลเขาวง อำเภอบ้านตาขุน จังหวัดสุราษฎร์ธานี

       นายชูศักดิ์  รู้ยิ่ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ร่วมลงพื้นที่กับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายสินิตย์  เลิศไกร) และคณะ ในการประชุมหารือกับกลุ่มเกษตรกรผู้แปรรูปสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ "ขมิ้นชันสุราษฎร์ธานี" และเยี่ยมชมสินค้าที่ผลิตจากขมิ้นชันสุราษฎร์ธานี
        สำหรับจังหวัดสุราษฎร์ธานีเป็นหนึ่งใน 15 เมืองสมุนไพร กลุ่มท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ความงาม และการแพทย์แผนไทย และยังมีวัตถุดิบสมุนไพรที่สำคัญ คือ ขมิ้นชัน ซึ่งเป็น 1 ใน 12 Herbal Champions ที่มีจุดแข็งตั้งแต่พื้นที่ปลูก วัตถุดิบ สารสำคัญ และการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรที่หลากหลาย เป็นหนึ่งตัวอย่างการพัฒนาที่เกิดจากการบูรณาการของทุกภาคส่วน เกิดการเชื่อมโยงผลิตภัณฑ์ชุมชน "ของเด่นพื้นที่ ของดีพื้นถิ่น" สู่กลุ่มผู้จัดจำหน่ายที่หลากหลาย และในวันนี้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์  ได้เชิญ บริษัท เวชพงศ์โอสถ จำกัด โดยนายพจน์  เวชพงศา (ผู้อำนวยการคลังสมุนไพร บริษัท เวชพงศ์โอสถ จำกัด) ผู้ซื้อสมุนไพรรายใหญ่ของไทย มาเจรจาธุรกิจและขยายตลาดเชิงรุกให้ขมิ้นชันของพื้นที่อำเภอบ้านตาขุน ซึ่งเป็นแหล่งเพาะปลูกที่สำคัญ กระตุ้นตลาดขมิ้นชันให้เติบโตมีผลผลิตที่มีคุณภาพเข้าสู่ตลาดได้อย่างต่อเนื่อง เกิดการสร้างงาน และเพิ่มรายได้ให้แก่ชุมชนในพื้นที่ทันที
        โดยมี นางขนิษฐา มุนีแนม พาณิชย์จังหวัดสุราษฎร์ธานี  นางวันลีย์  เจริญวิทย์ธนเดช เกษตรและสหกรณ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี  นายชัยพร นุภักดิ์ เกษตรจังหวัดสุราษฎร์ธานี  นางสาวนันทวัน ศิริโภคพัฒน์ ผู้อำนวยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานสุราษฎร์ธานี นายวีรยุทธ  ขนุนนิล  นายอำเภอบ้านตาขุน ผู้แทนนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสุราษฎร์ธานี หัวหน้าส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ อสม. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมลงพื้นที่ในครั้งนี้