วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เวลา 15.30น.
นายวิทศักดิ์ จำเริญนุสิต รองผู้ว่าราชการจังหวัดฯ ลงพื้นที่บึงขุนทะเลเพื่อเตรียมแนวทางการพัฒนาบึงขุนทะเล ตามยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดสุราษฎร์ธานี
สำหรับบึงขุนทะเล เป็นแหล่งน้ำจืดขนาดใหญ่ที่ มีเนื้อที่ทั้งสิ้น ประมาณ 1,270 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ 3 ตำบลของอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี คือ ตำบลมะขามเตี้ย ตำบลขุนทะเล และตำบลวัดประดู่ ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองไปทางทิศใต้ประมาณ 7 กิโลเมตร มีศักยภาพที่จะฟื้นฟูและพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวตลอดจนเป็นพื้นที่รับน้ำของพื้นที่เมืองสุราษฎร์ธานี

วันที่ 24 กรกฎาคม 2568

นายบันดาล สถิรชวาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธานเปิดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม 2568 เพื่อแสดงความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ โดยหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี บูรณาการร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ตลอดจนผู้เกี่ยวข้อง จัดขึ้น ณ องค์การบริหารส่วนตำบลประสงค์ อำเภอท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธาร์ธานี มีเกษตรกรและประชาชนผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ขอพระราชทานพระราชานุญาต จัดทำโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ กราบบังคนทูลถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งทรงดำรงพระราชอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมุกุฎราชกุมาร ทรงมีพระชนมพรรษา 50 พรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม 2545 และทรงรับโครงการไว้ในพระราชานุเคราะห์ โดยเริ่มเปิดให้บริการครั้งแรก เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2545 ณ ตำบลบ้านหลวง อำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี และได้ดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน เป็นการปฏิบัติงานเชิงรุกที่ทำให้เกษตรกรในพื้นที่ห่างไกลสามารถเข้ารับบริการ และได้รับการแก้ไขปัญหาทางการเกษตรได้อย่างถูกต้องครบถ้วนทุกด้านในคราวเดียวกัน เช่น การวิเคราะห์ดิน การวินิจฉัยโรคพืช โรคสัตว์ โรคสัตว์น้ำ และการให้วัคชีนป้องกันโรค รวมถึงการถ่ายทอดเทคโนโลยีและฝึกอบรมความรู้ด้านการเกษตรเสริมเพิ่มเติมควบคู่กันไปด้วยโดยโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ฯ เป็นรูปแบบหนึ่งของการแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกรในพื้นที่ พร้อมทั้งการให้บริการที่สอดคล้องกับความต้องการของเกษตรกร โดยการถ่ายทอดความรู้ เทคโนโลยีด้านเกษตรต่างๆ ให้แก่เกษตรกรไปในคราวเดียวกัน นับเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากจะได้รับบริการด้านการเกษตรแบบครบวงจรในทุกๆ ด้าน