โหมโรง งานประเพณีชักพระทอดผ้าป่าและแข่งเรือยาวประจำปี 2565 จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อสืบสานประเพณีและกระตุ้นเศรษฐกิจ ภายใต้แนวคิดทำบุญ 100 วัด พรมน้ำมนต์ 100 ขัน ในวันเดียว

วันที่ 28 กันยายน 2565  ณ ลานอเนกประสงค์ข้างวัดกลางเก่าริมเขื่อนแม่น้ำตาปี เทศบาลนครสุราษฎร์ธานี

นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วย นายประเสริฐ บุญประสพ นายกเทศมนตรีนครสุราษฎร์ธานี พระครูปริยัติคุณาวุธ รองเจ้าคณะจังหวัดสุราษฎร์ธานี และตัวแทน ภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงข่าวการจัดงานประเพณีชักพระทอดผ้าป่าและแข่งเรือยาวประจำปี 2565 จังหวัดสุราษฎร์ธานี ระหว่างวันที่ 7 - 15 ตุลาคม 2565 ที่บริเวณริมเขื่อนแม่น้ำตาปี จังหวัดสุราษฎร์ธานี

สำหรับงานประเพณีชักพระ ทอดผ้าป่า และแข่งเรือยาวจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประเพณีสำคัญที่อยู่คู่กับชาวจังหวัดสุราษฎร์ธานีมาอย่างยาวนาน และมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น จากแรงศรัทธาของพุทธศาสนิกชนทั้งเมืองคนดี ที่ร่วมกับวัดต่างๆ นับร้อยวัด จัดทำและประดับตกแต่งเรือพนมพระทั้งทางบกและทางน้ำ กว่า 100 ลำ เพื่อเข้าร่วมในประเพณีชักพระฯ ในวันออกพรรษา เพื่อให้ประชาชนได้ร่วมทำบุญภายใต้แนวคิดทำบุญร้อยวัดพรมน้ำมนต์ ร้อยขันในวันเดียว และยังมีพิธีทอดผ้าป่าหน้าบ้าน หนึ่งเดียวในประเทศไทย
ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ 2 ปี จังหวัดสุราษฎร์ธานี ต้องจัดงานประเพณีที่สำคัญนี้ภายใต้สถานการณ์โควิด 19 แต่ปีนี้สถานการณ์ดังกล่าวผ่านพ้นไปแล้ว จึงมั่นใจว่าการจัดงาน ในปีนี้จะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง และ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระราชทานถ้วยรางวัลการประกวดเรือพนมพระทางบก และถ้วยพระราชทานการประกวดพุ่มผ้าป่า ซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจของชาวจังหวัดสุราษฎร์ธานีทุกหมู่เหล่า

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมที่กลับมาจัดอีกครั้งก็คือการแข่งขันเรือยาว ที่ว่างเว้นไป 3 ปี เพื่อสืบสานประเพณีของชาวสุราษฎร์ธานี ที่มีความผูกพันกับสายน้ำตาปี รวมถึง กิจกรรมร่วมสมัยอย่างการวิ่งพรมน้ำมนต์ ในคืนวันที่ 10 ตุลาคม 2565 ซึ่งนักวิ่งทุกคนจะได้ชมความงามของเรือพนมพระยามค่ำคืนและได้รับการประพรมน้ำมนต์จากพระสงฆ์ตลอดเส้นทาง รวมถึง ยังเป็นโอกาสพิเศษอีกครั้งที่ จังหวัดอุบลราชธานี จะได้จัดส่งลดต้นเทียนเพื่อมาร่วมโชว์ในขบวนเรือพระประจำปี 2565 ซึ่งเป็นความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่าง 2 จังหวัด ซึ่งหลายฝ่าย เห็นพ้องต้องกันว่า การจัดการในปีนี้จะกลับมายิ่งใหญ่และได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั้งในพื้นที่และต่างจังหวัด ซึ่ง สุราษฎร์ธานีเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจสร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี