ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เยี่ยมอาการและให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บ จากอุบัติเหตุรถบัสนำเที่ยวตกร่องกลางถนนชนต้นไม้ เมื่อคืนวันที่ 1 มกราคม 2568 ที่ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ล่าสุดอาการปลอดภัยทุ ...

วันที่ 2 มกราคม 68 จากกรณีอุบัติเหตุ รถบัสนำเที่ยวเสียหลัก ตกร่องกลางถนนชนต้นไม้ ที่บริเวณทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 41 กิโลเมตรที่ 129 + 700 ก่อนถึงแยกป่าเว อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อคืนวันที่ 1 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 5 ราย และผู้บาดเจ็บ 30 ราย ซึ่งส่วนใหญ่บาดเจ็บเล็กน้อย และมีการประสานนำรถมาให้บริการนำส่งกลับบ้านแล้ว คงเหลือที่ต้องรักษาอยู่ในโรงพยาบาลไชยา และโรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี รวม 6 คน โดยช่วงบ่ายที่ผ่านมา

นายธีรุตม์ ศุภวิบูลย์ผล ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วย นายบุญเรือง หลงละลวด หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุราษฎร์ธานี นางทัศนียาพร ดวงแก้ว ประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เดินทางเข้าเยี่ยมอาการและให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บที่โรงพยาบาลทั้ง 2 แห่ง

สำหรับที่โรงพยาบาลไชยา มีผู้รักษาตัวอยู่ 3 ราย ได้แก่ นางสุปราณี กันสุวิโร, นางจรีพร นิลวรรณ และนายนิพนธ์ สร้อยพวง ซึ่งผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 ราย อาการดีขึ้นแล้ว แต่ยังต้องรอดูอาการอีกระยะเพื่อความแน่ใจ ก่อนจะอนุญาตให้กลับไปรักษาตัวที่บ้าน เช่นเดียวกับที่ โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี ปัจจุบัน มีผู้รักษาตัวอยู่ทั้งหมด 3 ราย ได้แก่ นางพรเพ็ญ วิทิตธัญปรีดา, นางสุภาพ ศรีดาวเรือง และนางวาสนา กิจสมัคร โดยทั้งหมด อาการอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย แต่ยังคงต้องทำการรักษาต่อเนื่อง ทั้งอาการซี่โครงหัก และการศัลยกรรมตกแต่งบาดแผลในห้องปลอดเชื้อ ซึ่งหากแพทย์ประเมินความปลอดภัย ก็จะอนุญาตให้ญาติพากลับไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน

โอกาสนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้มอบกระเช้าให้กำลังใจกับญาติผู้บาดเจ็บ และย้ำว่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมที่จะดูแลอำนวยความสะดวก ทั้งในเรื่องการรักษาพยาบาล หรือการประสานการส่งต่อกลับไปรักษาตัวต่อที่บ้านเมื่อสามารถเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บได้อย่างปลอดภัย รวมถึง การประสานเรื่องค่ารักษาพยาบาล และการเยียวยา จากผู้รับผิดชอบอย่างครบถ้วน ตามที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้กำชับมา

นอกจากนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ยังได้เยี่ยมให้กำลังใจ พร้อมทั้ง ขอบคุณแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ทุกคน โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ห้องฉุกเฉิน ที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง ในการรับมือกับภาวะวิกฤตตลอด 2 วันนี้