Accessibility Tools

A A A

messenger  facebook  youtube

Google Translate Widget by Infofru

Author Site Reviewresults

นายกรัฐมนตรี เยี่ยมชมแปลงทุเรียนสาธิต เกาะสมุย เดินหน้ารับฟังปัญหากลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่

 

วันที่ 7 เมษายน 2567

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยนางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะ ลงพื้นที่ แปลงทุเรียนสาธิตสวนทุเรียนนายชัยณรงค์ ทองสุข อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อเยี่ยมชมและรับฟังปัญหาของกลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่ โดยมี นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ตลอดจน เกษตรกรในพื้นที่ให้การต้อนรับ
นายกรัฐมนตรีและคณะได้พบปะกับและรับฟังปัญหาของเกษตรกรในพื้นที่ ซึ่งส่วนใหญ่ได้นำปัญหาเรื่องถนนและระบบไฟฟ้าที่ยังเข้าไม่ถึงในบางพื้นที่ เรื่องน้ำไม่เพียงพอในช่วงหน้าแล้ง และปัญหาการขนส่งผลผลิตทุเรียนที่ทำได้ล่าช้า โดยระยะสั้น อยากให้สนับสนุนเรื่องการเพิ่มเที่ยวเรือขนส่งผลผลิตทางการเกษตร ส่วนระยะยาวอยากให้เดินหน้าโครงการ สะพานเชื่อมเกาะสมุยกับฝั่งแผ่นดินใหญ่ และเกษตรกรบางส่วน ยังต้องการสัญญาณอินเตอร์เน็ตที่มีความเสถียรเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเยี่ยมชมสวน เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตรในอนาคต
ด้านนายกรัฐมนตรี ระบุว่า "ทุเรียน เป็นหนึ่งในพืชเศรษฐกิจ และเป็นของโปรดผมด้วยครับ มาสวนทุเรียนวันนี้ผมมาดูทั้งการขาย การขนส่ง และเพิ่มช่องทางการตลาดทั้งในไทย และต่างประเทศให้มากกว่านี้ รวมถึงทำให้ราคาดีขึ้นด้วยครับ"
"ผมตั้งเป้าว่า ภายใน 10 ปี จะต้องขายทุเรียนได้เพิ่มขึ้น จากปีละ 120,000 ล้านบาท เป็น 1 ล้านล้านบาทต่อปี โดยพี่น้องชาวสวนจะต้องขายได้ในราคาที่เป็นธรรมด้วย ผมฝากกระทรวงเกษตรฯ เข้ามาดูแลเรื่องการพัฒนาแหล่งน้ำให้มีน้ำใช้เพียงพอ และเพิ่มศักยภาพในการเพาะปลูก เช่น จัดหาปุ๋ย และเครื่องมือในการปลูกจนถึงการเก็บเกี่ยว ซึ่งเป็นการลดต้นทุน ในระยะสั้นพี่น้องเกษตรกรต้องการให้เพิ่มเที่ยวเรือ และสะพานเพื่อการขนส่ง ซึ่งเราต้องพัฒนาสาธารณูปโภคในเกาะตั้งแต่ ถนน ไฟฟ้า อินเตอร์เน็ตควบคู่กันไปด้วย"
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีย้ำว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้ไม่ได้มาหาเสียงเพราะการเลือกตั้งผ่านไปแล้วแต่เป็นความตั้งใจมารับฟังปัญหา ความต้องการของประชาชนในพื้นที่ ซึ่งทุกอย่างต้องค่อยเป็นค่อยไป อยากให้ทุกคนให้เวลารัฐบาลได้ทำงาน ตามที่ประชาชนร้องขอ เพราะนอกจากเงื่อนไขเรื่องงบประมาณแผ่นดินในแต่ละปีที่มีจำกัดแล้ว ยังมีเรื่องกฎหมาย ที่ยังเป็นอุปสรรคในบางเรื่อง

นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ยกระดับการท่องเที่ยวพร้อมรับฟังปัญหาความต้องการของชาวสมุย จุดแรกติดตามความก้าวหน้าโครงการพัฒนาท่าเรือสำราญบริเวณแหลมหินคม

 

วันที่ 7 เมษายน 2567 เวลา 10.30 น.

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ลงพื้นที่อำเภอเกาะสมุย ติดตามความก้าวหน้าโครงการพัฒนาท่าเรือสำราญ (Cruise Terminal) บริเวณแหลมหินคม อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ตามที่กรมเจ้าท่าได้ทำการว่าจ้างที่บริษัทปรึกษาและวิเคราะห์ให้เอกชนร่วมลงทุนในโครงการพัฒนาท่าเทียบเรือรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ที่อำเภอเกาะสมุย โดยนายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น ตลอดจนประชาชนในพื้นที่ร่วมให้การต้อนรับ

ทั้งนี้อำเภอเกาะสมุย ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญระดับโลก ปัจจุบันเรือสำราญขนาดใหญ่ไม่สามารถเทียบท่าได้ ประกอบกับคณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบแผนปฏิบัติการในการพัฒนาท่าเทียบเรือโดยสารเพื่อการท่องเที่ยวขนาดใหญ่ โดยมีกรมเจ้าท่าเป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการพัฒนาท่าเรือสำราญขนาดใหญ่ เพื่อยกระดับและรองรับการเจริญเติบโตของภาคธุรกิจการท่องเที่ยว ซึ่งผลประโยชน์จากโครงการดังกล่าว ทำให้สามารถรองรับนักท่องเที่ยวกว่า 180,000 คนต่อปี และรองรับเรือ Cruise จำนวนกว่า 120 เที่ยวเรือต่อปี สามารถสร้างรายได้ให้กับจังหวัดสุราษฎร์ธานีและประเทศชาติอย่างมหาศาล

โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ประกาศมอบของขวัญปีใหม่ 2568 ให้แก่พี่น้องชาวเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ในการรองรับท่าเรือสำราญ ท่าเรือยอร์ช ท่าเรือเฟอร์รี่ สนามบินน้ำ วงเงินงบประมาณกว่า 12,000 ล้านบาท

จากนั้นนายกรัฐมนตรี และคณะ ได้เดินทางไปเยี่ยมชมแปลงทุเรียนสาธิต ณ สวนทุเรียนนายชัยณรงค์ ทองสุข ซึ่งเป็นการรวมตัวของเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนในตำบลหน้าเมือง อำเภอเกาะสมุย เพื่อเข้ากระบวนการพัฒนาตามระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ และในช่วงบ่ายของวันเดียวกันนี้ จะไปติดตามปัญหาขยะมูลฝอย ที่เตาเผาขยะสมุย ซึ่งปัจจุบันมีปริมาณขยะต่อวันกว่า 130 ตัน และยังมีขยะตกค้างอีกจำนวนมาก ก่อนเดินทางต่อไปยังสำนักงานเทศบาลนครเกาะสมุย เพื่อพบปะประชาชนและเยี่ยมชมนิทรรศการสินค้า OTOP พร้อมประชุมบูรณาการร่วมกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ในประเด็นสำคัญ ได้แก่ น้ำประปา การบริหารจัดการขยะ การส่งเสริมการท่องเที่ยว การพัฒนาท่าอากาศยานนานาชาติสมุย ก่อนจะเดินทางไปปฏิบัติภารกิจต่อที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ในช่วงเช้าวันที่ 8 เมษายน 2567

 

รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี นำประชาชนจิตอาสาร่วมกิจกรรมจิตอาสาพัฒนา ถวายพระราชกุศล เนื่องในวันจักรี และวันที่ระลึกพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ประจำปี 2567

 

วันที่ 6 เมษายน 67 ที่บริเวณวัดพัฒนาราม อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี

นายสุคนธ์ หนูภักดี รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานีเป็นประธานเปิดกิจกรรมจิตอาสาพัฒนา ถวายพระราชกุศลเนื่องในวันจักรีและวันที่ระลึกพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ประจำปี 2567 เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีและน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ จิตอาสาพระราชทาน และประชาชนจิตอาสาเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง

รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้กล่าวน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงเสด็จปราบดาภิเษกขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกแห่งราชวงศ์จักรีและทรงสถาปนากรุงเทพมหานครเป็นเมืองหลวงของไทย จนกลายเป็นแผ่นดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ และหล่อเลี้ยงพสกนิกรให้อยู่เย็นเป็นสุขตลอดมาจนถึงปัจจุบัน พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชที่สำคัญ คือ ทรงย้ายเมืองหลวงราชธานีจากฝั่งธนบุรีมายังฝั่งพระนคร และการฟื้นฟูวัฒนธรรมไทยที่สืบทอดมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยและอยุธยา นอกจากนี้ยังทรงตรากฎหมาย “ตราสามดวง” เพื่อใช้เป็นหลักบริหารบ้านเมือง เป็นต้น

รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานีกล่าวว่าได้นำหัวหน้าส่วนราชการและประชาชนจิตอาสาร่วมกิจกรรมพัฒนาร่วมกวาดถนนฉีดน้ำทำความสะอาดข้างโบสถ์และเก็บกวาดขยะบริเวณวัด ทั้งนี้มีหน่วยงานต่างๆมาให้บริการประชาชน อาทิเช่น บริการตัดผมฟรี ให้บริการซ่อมมอเตอร์ไซค์และบริการตรวจสุขภาพฟรี

กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ร่วมกับ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ยุติธรรมจังหวัดสุราษฎร์ธานี จัดโครงการมหกรรมแก้หนี้ สร้างวิถีแห่งความเป็นธรรม ครั้งที่ 3 มีลูกหนี้มาลงทะเบียนแก้ไขหนี้ นับพันคน

 

วันที่ 6 เมษายน 2567 เมื่อเวลา 11:00 น.

นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้การต้อนรับ พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย นางสาวเอมอร เสียงใหญ่ อธิบดีกรมบังคับคดี นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ผู้บริหารในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ทั้งจากส่วนกลางและในพื้นที่ ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ในการเปิด โครงการมหกรรมแก้หนี้ สร้างวิถีแห่งความเป็นธรรม ครั้งที่ 3 จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ร่วมกับ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ยุติธรรมจังหวัดสุราษฎร์ธานี จัดขึ้น ที่โรงแรมบรรจงบุรี อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งตั้งแต่ในช่วงเช้า มีประชาชน ลูกหนี้ ทั้งในและนอกระบบโดยเฉพาะลูกหนี้กองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษามาลงทะเบียนเพื่อขอรับการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาหนี้ นับพันคน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาหนี้สินเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่ประกาศไว้กับรัฐสภา ตั้งแต่ วันแถลงนโยบาย ซึ่งขณะนี้มีการเดินหน้าแก้ไขปัญหาหนี้สินทั้งในและนอกระบบ ซึ่งกระทรวงยุติธรรม ได้มีส่วนสำคัญ ในการแก้ไขปัญหา ด้านการไกล่เกลี่ยหนี้สิน ซึ่งมีเป้าหมายสำคัญเพื่อให้ความรู้ด้านกฎหมายการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท และเสริมสร้างวินัยทางการเงิน รวมถึงดำเนินการไกล่เกลี่ยหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา หนี้เช่าซื้อรถยนต์ หนี้สินข้าราชการ หนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล ทั้งก่อนฟ้องและหลังมีคำพิพากษาคดี โดยได้รับความร่วมมืออย่างดี จากกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา สถาบันการเงิน ทั้งในกำกับของรัฐและเอกชน ตลอดจนส่วนราชการต่างๆ ที่มาร่วมกัน ให้คำปรึกษา และดำเนินการไกล่เกลี่ยหนี้ ให้กับลูกหนี้รวมถึงเจ้าหนี้ โดยที่ผ่านมา การดำเนินโครงการนี้ได้รับเสียงตอบรับอย่างดีจากประชาชน ซึ่งกระทรวงยุติธรรมวางเป้าหมายที่จะจัด โครงการให้ครบ ทุกจังหวัดและบางจังหวัด อาจจะเพิ่มรอบ มากกว่า 1 ครั้ง เพื่อให้การแก้ไขปัญหา มีความทั่วถึง กับประชาชน

สำหรับ โครงการ "มหกรรมแก้หนี้ สร้างวิถีแห่งความเป็นธรรม" ครั้งที่ 3 ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ในภาคเช้ามีผู้ลงทะเบียนและเข้าสู่กระบวนการแล้วกว่า 1,100 คน ซึ่งเป็นลูกหนี้ กยศ.ประมาณ 900 ราย และอีก 150 คน เป็นลูกหนี้สถาบันการเงิน โดยเฉพาะ ลูกหนี้เช่าซื้อ และลูกหนี้ที่อยู่ระหว่างการบังคับคดี อีกประมาณ 60 คน และยังมีลูกหนี้อีกจำนวนมากที่ อยู่ระหว่างลงทะเบียนเพื่อเข้าสู่กระบวนการ

โดยหลังเสร็จสิ้นพิธีเปิดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้เยี่ยมพบปะ กับลูกหนี้ที่มาลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ โดยได้พูดคุยกับลูกหนี้รายหนึ่ง ซึ่งได้รับการช่วยเหลือจากธนาคารออมสินในการลดดอกเบี้ยเงินกู้ จากมูลหนี้ทั้งหมดกว่า 1 ล้านบาท เหลือเพียงเงินต้น 400,000 บาทโดยลดดอกเบี้ยทั้งหมดให้ ซึ่งทำให้ลูกหนี้รายดังกล่าวดีใจมาก จากนั้นได้พบปะกับลูกหนี้กองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาโดยเน้นย้ำว่า ขณะนี้รัฐบาลและกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ได้พยายามหามาตรการต่างๆ โดยเฉพาะการแก้ไขกฎหมาย เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ ดังนั้นลูกหนี้เอง ก็จะต้องมีความรับผิดชอบในการชำระหนี้ ภายใต้เงื่อนไขที่เป็นธรรม

Copyright © 2021  www.suratthani.go.th

AChecker accessibility checker compliance: WCAG 2.0 (Level AAA) Valid CSS!