วันที่ 17 ตุลาคม 2565 

พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) และคณะ ลงพื้นที่ ติดตามระบบป้องกันน้ำท่วมในเขตเศรษฐกิจของอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี โดยกรมโยธาธิการและผังเมือง ได้ขุดลอกขยายคลองและทำคันคลองคอนกรีต เพื่อเป็นเส้นทางระบายน้ำในเขตเมือง ลงสู่ทะเลได้อย่างรวดเร็ว
ซึ่งรองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ระบบระบายน้ำดังกล่าว จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ ป้องกันน้ำท่วมในเขตตัวเมืองสุราษฎร์ธานีได้ ส่วนโครงการอื่นๆที่จะช่วยป้องกันอุทกภัย ตามที่เทศบาลนครสุราษฎร์ธานีได้ขอมา นั้นก็รับว่าจะจัดหางบประมาณให้ พร้อมทั้งได้มอบหมายให้ทุกหน่วยงาน บูรณาการวางแผนและเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำ ตาม 13 มาตรการรับมือฤดูฝนอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันและลดผลกระทบกับประชาชน จากนั้น รองนายกรัฐมนตรี ได้เดินพบปะกับประชาชนที่มารอต้อนรับอย่างใกล้ชิด บางคนได้โผเข้ามากอดและขอถ่ายภาพเซลฟี่อย่างเป็นกันเอง ท่ามกลางเสียงตะโกน ลุงป้อมสู้ๆ ตลอดช่วงที่พบปะประชาชน

จากนั้นรองนายกรัฐมนตรีและคณะได้เดินทางมาลงพื้นที่อ่างเก็บน้ำทุ่งกระจูด ตำบลท่าสะท้อน อำเภอพุนพิน ซึ่งเป็นโครงการก่อสร้างของกรมชลประทาน เพื่อเป็นแก้มลิงชะลอและกักเก็บน้ำ จากแม่น้ำตาปี มาทางคลองท่าสะท้อน มีพื้นที่รับน้ำ 750 ไร่ จากทั้งหมด 1,500 ไร่ สามารถกักเก็บน้ำได้ 7 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งนอกจากจะสามารถช่วยลดผลกระทบจากอุทกภัยแล้ว ยังสามารถกักเก็บน้ำไว้ใช้เพื่อการเกษตรซึ่งครอบคลุมพื้นที่ กว่า 3,000 ไร่ มีราษฎร ได้รับประโยชน์โดยตรง ราว 600 ครัวเรือน

วันที่ 17 ตุลาคม 2565  ณ ท่าอากาศยานกองบิน 7 อำเภอพุนพิน จังหวัด สุราษฎร์ธานี

นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วย แม่ทัพภาคที่ 4 ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ผู้แทนกองทัพเรือ และผู้บังคับการกองบิน 7 ร่วมต้อนรับ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และคณะ ในการลงพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี จากนั้นได้เดินทางมาประชุมเพื่อติดตามสถานการณ์น้ำ และการปัญหาที่ดิน รวมถึงราคาผลผลิตทางการเกษตร โดยจุดแรกที่ด้านหน้าศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี มีกลุ่มเครือข่ายที่ดินทำกิน กลุ่มชาวสวนปาล์มน้ำมัน กลุ่มชาวสวนยางพารา และกลุ่มความมั่นคงทางอาหาร ให้การต้อนรับกว่า 500 คนพร้อมยื่นหนังสือขอให้รองนายกรัฐมนตรี แก้ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับกับปากท้องประชาชนและต่างพร้อมใจส่งเสียงเชียร์ ลุงป้อมสู้ๆ ดังกึกก้อง
จากนั้น รองนายกรัฐมนตรี ประชุมรับฟังการบรรยายสรุปภาพรวมในพื้นที่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวต้อนรับและบรรยายสรุปภาพรวมในพื้นที่ ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) นำเสนอแผนงานด้านทรัพยากรน้ำและการคาดการณ์สถานการณ์น้ำในพื้นที่ภาคใต้ นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง นำเสนอผลการดำเนินงานโครงการก่อสร้างระบบป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ชุมชนเมืองสุราษฎร์ธานี ผู้แทนกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) นำเสนอการเตรียมการณ์รับมือสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ จากนั้น ได้ลงมาเยี่ยมชมนิทรรศการการบริหารจัดการปาล์มน้ำมัน พร้อมทั้งพบปะกับเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน โดยรองนายกรัฐมนตรีระบุว่า ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้แก้ปัญหาปาล์มน้ำมันทั้งระบบ สามารถยกระดับราคาผลผลิตปาล์มน้ำมันสูงกว่า 4 บาท และบางช่วงสูงถึง 12 บาท แม้ว่าขณะนี้ราคาปาล์มน้ำมันจะปรับลดลงมา ก็ได้เตรียมมาตรการเพิ่มสัดส่วนน้ำมันไบโอดีเซล กลับมาเป็น B7 เพื่อให้ราคาปาล์มน้ำมันขยับเพิ่มขึ้น
เพื่อช่วยเหลือให้เกษตรกรชาวสวนปาล์มมีรายได้เพิ่มขึ้น เรียกเสียงเฮและเสียงปรมมือจากเกษตรกรที่มาร่วมต้อนรับอย่างกึกก้อง
ส่วนในช่วงบ่ายรองนายกรัฐมนตรีจะลงพื้น ติดตามการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมชุมชนเมืองสุราษฎร์ธานีโครงการแก้มลิงสระบัว (อ่างเก็บน้ำทุ่งกระจูด) ต.ท่าสะท้อน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี และได้มอบหมายให้ทุกหน่วยงาน บูรณาการวางแผนและเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำ ตาม 13 มาตรการรับมือฤดูฝนอย่างเคร่งครัด เพื่อเป็นการป้องกันและลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นเนื่องจากพื้นที่ภาคใต้

วันที่ 16 ตุลาคม 2565

นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดจวน แจกจ่ายถุงปันสุข ให้แก่ ผู้พิการ จำนวน 16 ราย กลุ่มเปราะบางและประชาชนในพื้นที่ จำนวน 900 ชุด ซึ่งภายในถุงปันสุขประกอบด้วย ข้าวสาร ปลากระป๋อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป น้ำตาลทราย น้ำมัน ไข่ไก่และน้ำผลไม้ โดยมีนายมนตรา พรมสินธุ ปลัดจังหวัด อาสาสมัคร จิตอาสา เจ้าหน้าที่สำนักงานจังหวัดเจ้าหน้าที่ปกครองและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมแจกจ่ายในครั้งนี้ ขณะที่เด็กๆที่เดินทางมากับผู้ปกครองก็ได้รับถุงปันสุขของเด็กด้วยเช่นกัน

สำหรับกิจกรรม ”ถุงปันสุข”ได้ดำเนินการมาตั้งแต่ช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตั้งแต่ปี 2563 ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ของช่วงวิกฤตดังกล่าว แต่ทั้งนี้ยังมีผู้พิการ และประชาชนที่ได้รับผลกระทบต่อเนื่อง ทางจังหวัดสุราษฎร์ธานี ภายใต้การนำของนายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัด จึงมีการช่วยเหลือประชาชนมาจนถึงปัจจุบัน